Miriam Webster Dictionary ได้ให้คำนิยาม Lollipop ว่าเป็นก้อนแข็งของลูกอมที่ติดอยู่ปลายของแท่ง คาดว่ามาจาก ราศัพท์ของ lolly (tongue) ลิ้น + pop สำหรับคนไทยคงคุ้นเคยกับอมยิ้มเป็นอย่างดี แล้วทำไมถึงเป็นชื่อนี้ก็ยังหาคำตอบอยู่เหมือนกัน หรือว่าเวลาอมแล้วแก้มตุ่ยเลยดูเหมือนกำลังยิ้มก็ไม่รู้
อมยิ้มอันแรกนั้นตาม National Confectionary Association คาดว่าเกิดจากคนถ้ำที่ใช้แท่งเก็บรวมน้ำผึ้ง โดยไม่ต้องการทิ้งน้ำผึ้งไป และชอบใช้วิธีการเลียภาชนะ นั่นจึงทำให้ก้อนลูกอมติดบนแท่งถือกำเนิดขึ้น
ตามรายงานบอกว่าชาวอาหรับ จีนและอียิปต์โบราณรู้จักวิธีการนำผลไม้และถั่วมาเคลือบน้ำผึ้ง ที่เรียกว่า "candied" เพื่อเป็นถนอมผลไม้ไว้กินได้นานๆ และแท่งไม้ก็เริ่มมีส่วนในการช่วยให้การกินง่ายขึ้นนั่นเอง
ในยุคกลางของยุโรปน้ำตาลมีคุณค่าและราคาแพงเพื่อให้สามารถเก็บไว้ได้จึงมีการต้มน้ำตาลและทำให้อยู่ในรูปก้อนแข็ง และทำให้ง่ายในการกินและดูหรูหราโดยการเสียบเป็นแท่ง จนถึงในศตวรรตที่ 17 ที่น้ำตาลมีเยอะและหาได้ง่าย มีการนำน้ำผลไม้มาผลิตเป็นลูกอม เจ้าของ McAviney Candy Company พยายามที่นำลูกอมแข็งๆ ติดกับแท่งไม้เพื่อให้ลูกของเขา
ในปี 1908 George Smith ได้ให้ชื่อลูกอมแข็งๆติดกับแท่งไม้ว่า" Lollipop" และได้รับความชื่นชอบ ในปีเดียวกันนั้นเองที่บริษัท Racine Confectionary Machine Company ได้ผลิตเครื่องจักรผลิตอมยิ้มได้เป็นเครื่องแรกโดยสามารถผลิตได้ถึง 2400 ชิ้นต่อชั่วโมงเลยทีเดียว
จนถึงปัจจุบันอมยิ้มกลายเป็นขนมหวานยอดฮิตของเด็กๆ ด้วยสีสัน รสชาติ รูปทรงที่หลากหลาย สำหรับผู้ใหญ่อมยิ้มก็ทำให้นึกถึกความสนุกสนานได้เป็นอย่างดี น่าจะลองมีเก็บไว้อมสักอันใช่มั้ยนะ
วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553
Ice-crem ประวัติของทานเล่นแสนอร่อย
ประวัติไอศกรีม จุดเริ่มต้นของไอศกรีมในระดับสากล นายโทมัส อาร์ควินนี่ เล่าว่า การรับประทานไอศกรีมน่าจะเริ่มต้นกันมาตั้งแต่สมัยจักรพรรดิเนโรห์ แห่งอนาจักรโรมันที่ได้พระราชทานเลี้ยงไอศกรีมแก่เหล่าทหารหาญที่อยู่ในกองทัพของพระองค์ แต่ในขณะนั้นไอศกรีมเกิดจากเป็นการนำหิมะมาผสมเข้ากับน้ำผึ้งและผลไม้ ต่อมาเรียกไอศกรีมประเภทนี้ว่า เชอร์เบ็ท(Sherbet)นั่นเอง แต่ตำนานนี้ก็หาได้เป็นแค่ตำนานเดียวที่เล่าสืบต่อกันมาถึงต้นกำเนิดของไอศกรีมไม่ หากแต่บางกระแสก็ระบุว่าบรรพชนของคนจีนค้นพบไอศกรีมเป็นครั้งแรก เมื่อประมาณ 4,000 ปีที่ผ่านมา ซึ่งลักษณะของไอศกรีมในประเทศจีนทำมาจากข้าวบดผสมกับนมสดที่เย็นจนเป็นนำแข็งและได้มีการสอนให้ทำไอศกรีมให้กับคนอินเดียและชาวเปอร์เชียอีกด้วย การก่อกำเนิดไอศกรีมตามตำนานประเทศจีนระบุว่า เป็นเรื่องของความบังเอิญแท้ๆ ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศจีนในสมัยนั้นเพิ่งจะมีการรู้จักรีดนมจากสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในฟาร์ม เมื่อรีดออกมาจำนวนมากก็บริโภคไม่หมด ประกอบกับน้ำนมเป็นสินค้าที่มีราคาแพงมากๆ คนชั้นสูงเห็นท่าไม่ดีจึงเกิดแนวคิดนำน้ำนมไปหมกซ่อนไว้ในหิมะนัยว่าเพื่อต้องการที่จะถนอมน้ำนมเอาไว้รับประทานได้ เล่ากันว่า"ไอศครีม"มีต้นกำเนิดมาจากดินแดนในต่างประเทศ ทั้งนี้ได้แพร่กระจายเข้ามาในประเทศไทยเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 ในสมัยนั้นส่วนใหญ่จะใช้รับประทานกันแต่ภายในวังเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากไอศกรีมเป็นอาหารหวานที่ทันสมัยหรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมใหมาก็ว่าได้ ใครได้ลองรับประทานไอศกรีมในสมัยนั้นก็ถือว่า เป็นคนที่ก้าวล้ำนำสมัยไปโดยปริยาย สืบสาวต้นกำเนิดไอศกรีมยุคโบราณ จุดเริ่มต้นของไอศกรีมในระดับสากล นายโทมัส อาร์ควินนี่ เล่าว่า การรับประทานไอศกรีมน่าจะเริ่มต้นกันมาตั้งแต่สมัยจักรพรรดิเนโรห์ แห่งอนาจักรโรมันที่ได้พระราชทานเลี้ยงไอศกรีมแก่เหล่าทหารหาญที่อยู่ในกองทัพของพระองค์ แต่ในขณะนั้นไอศกรีมเกิดจากเป็นการนำหิมะมาผสมเข้ากับน้ำผึ้งและผลไม้ ต่อมาเรียกไอศกรีมประเภทนี้ว่า เชอร์เบ็ท(Sherbet)นั่นเอง แต่ตำนานนี้ก็หาได้เป็นแค่ตำนานเดียวที่เล่าสืบต่อกันมาถึงต้นกำเนิดของไอศกรีมไม่ หากแต่บางกระแสก็ระบุว่าบรรพชนของคนจีนค้นพบไอศกรีมเป็นครั้งแรก เมื่อประมาณ 4,000 ปีที่ผ่านมา ซึ่งลักษณะของไอศกรีมในประเทศจีนทำมาจากข้าวบดผสมกับนมสดที่เย็นจนเป็นนำแข็งและได้มีการสอนให้ทำไอศกรีมให้กับคนอินเดียและชาวเปอร์เชียอีกด้วย การก่อกำเนิดไอศกรีมตามตำนานประเทศจีนระบุว่า เป็นเรื่องของความบังเอิญแท้ๆ ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศจีนในสมัยนั้นเพิ่งจะมีการรู้จักรีดนมจากสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในฟาร์ม เมื่อรีดออกมาจำนวนมากก็บริโภคไม่หมด ประกอบกับน้ำนมเป็นสินค้าที่มีราคาแพงมากๆ คนชั้นสูงเห็นท่าไม่ดีจึงเกิดแนวคิดนำน้ำนมไปหมกซ่อนไว้ในหิมะนัยว่าเพื่อต้องการที่จะถนอมน้ำนมเอาไว้รับประทานได้นานๆ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)